เมื่อบริษัทที่ทำธุรกิจอยู่บนความเชื่อมั่นของลูกค้า แต่หากความเชื่อมั่นได้สูญสิ้นแล้วไม่ว่าจะใหญ่แค่ไหนก็สามารถพังทลายลงมาได้ จากข่าววิกฤตธนาคารล้มดูทีท่าว่าจะยังไม่จบแค่นี้ หลังจากที่ 3 ธนาคารของสหรัฐฯ คือ Silicon Valley Bank, Signature Bank และ Silvergate Bank ได้ล้มลงในช่วงระยะเวลาแค่ 2 เดือน ทำให้ทางภาครัฐฯ และธนาคารใหญ่ต้องรีบออกมาแก้ไขสถานการณ์อย่างเร่งด่วน เพื่อไม่ให้ปัญหาลุกลามกระทบเศษฐกิจไปมากกว่านี้ หรือแม้แต่ธนาคารยักษ์ใหญ่ในยุโรปอย่าง Credit suisse ก็ประสบปัญหาทางการเงิน จนมูลค่าบริษัทได้ตกลงอย่างน่าใจหาย ทำให้ภาครัฐก็ต้องกระโดดลงมาช่วยเช่นเดียวกันกับสหรัฐฯ
แต่แล้วก็ยังไม่จบแค่นี้ ล่าสุดธนาคาร First Republic ได้ประกาศยื่นล้มละลายเป็นที่เรียบร้อย และทางธนาคาร JPMorgan Chase ก็ได้ตัดสินใจเข้าซื้อกิจการต่อไป จากการล้มของหลายๆ ธนาคารนี้ดูเหมือนว่าธุรกิจธนาคารที่ใครๆ ก็ต่างพูดกันว่ามีความมั่นคงสูง ได้พลิกผันกลับกลายเป็นกลุ่มธุรกิจที่มีความเสี่ยงสูงได้ โดยไม่รู้เลยว่าระเบิดลูกต่อไปจะไปตกอยู่ที่ธนาคารไหน?
จากบทสัมภาษณ์ของคุณ Terry Smith ผู้ก่อตั้งและผู้บริหารกองทุน FundSmith LLP. และเป็นหนึ่งในนักวิเคราะห์กลุ่มธนาคารที่ได้รับการโหวตมากที่สุดโดยสำนักข่าว Reuters ได้มองถึงธุรกิจธนาคารว่าเป็นกลุ่มธุรกิจที่กำลังมีความเสี่ยงสูงมาก เนื่องจากมีสัดส่วนหนี้อยู่ในระดับสูงจากการปล่อยกู้สินเชื่อ หรือตราสารหนี้ต่างๆ และผลการดำเนินงานย้อนหลังเฉลี่ย 5 ปี ของกลุ่มธนาคารโดยรวมใน S&P500 ก็ดูยังไม่สดใสเท่าไรนักเมื่อเทียบกับธุรกิจในกลุ่มสินค้าที่จำเป็น
และอีกหนึ่งความเสี่ยงที่สำคัญของการลงทุนในหุ้นกลุ่มธนาคารที่อยากจะขอดอกจันตัวโตๆไว้เลย คือ เมื่อเกิดเหตุการณ์ในตลาดการเงินที่ทำให้ผู้คนตื่นตกใจ ก็จะต่างพากันถอนเงินเป็นจำนวนมาก (Bank run) แล้วถ้าหากทางธนาคารมีเงินสดสำรองไม่เพียงพอ ทำให้เกิดปัญหาขาดสภาพคล่องทางการเงินอย่างรุนแรง ก็จะนำไปสู่การล้มของธนาคารได้นั่นเอง
อย่างไรก็ตามคุณ Terry Smith ได้บริหารกองทุน Fundsmith Equity Fund ซึ่งกองทุนไม่ได้รับผลกระทบทางตรงใดๆ จากเหตุการณ์ล้มของธนาคารต่างๆ ด้วยการยึดมั่นของนโยบายกองทุนที่ไม่ลงทุนในธุรกิจที่ต้องใช้เงินทุนจากหนี้สินมาเพื่อหารายได้ที่มั่นคง นั้นก็คือธุรกิจธนาคาร เพราะธุรกิจนี้จะมีส่วนของเจ้าของทางบัญชีน้อยมากเมื่อเทียบกับสินทรัพย์โดยรวม เมื่อเกิดเหตุการณ์ที่บริษัทต้องการเงินทุนจำนวนมากอย่างเร่งด่วน บริษัทนั้นก็จะประสบปัญหาสภาพคล่องอย่างรุนแรง เหมือนในกรณีของธนาคาร Silicon Valley Bank ได้ ซึ่งเป็นการตอกย้ำว่าแนวคิดการลงทุนของคุณ Terry Smith นั้นมาถูกทางแล้ว
หากเพื่อนๆ สนใจลงทุนในแนวทางของคุณ Terry Smith บลจ.ดาโอ ก็มีกองทุนที่ลงทุนในกองทุนหลัก Fundsmith Equity Fund เหมือนกันนะ นั่นก็คือกองทุน DAOL-GEQUITY และ DAOL-GLOBALEQRMF (ความเสี่ยงระดับ 6: เสี่ยงสูง) ที่เน้นลงทุนในหุ้นธุรกิจยักษ์ใหญ่ทั่วโลก ที่มีพื้นฐานดี มีความแข็งแกร่ง และธุรกิจยังต้องมีกระแสเงินสดสม่ำเสมออีกด้วย เหมาะสำหรับการลงทุนในระยะยาว และสามารถช่วยกระจายความเสี่ยงในพอร์ตการลงทุนของเราได้ แม้ในช่วงที่ตลาดมีความผันผวนสูง
รู้จัก DAOL- GEQUITY ให้มากขึ้น
รู้จัก DAOL- GLOBALEQRMF ให้มากขึ้น
❗️ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน
❗️ ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับสิทธิประโยชน์ทางภาษีที่ระบุไว้ในคู่มือการลงทุนในกองทุนรวมดังกล่าวด้วย
❗️เนื่องจากกองทุนมีการลงทุนในต่างประเทศ และไม่ได้ป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนทั้งจำนวน โดยป้องกันความเสี่ยง ตามดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน ผู้ลงทุนอาจจะขาดทุนหรือได้รับกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน หรือได้รับเงินคืนต่ำกว่าเงิน ลงทุนเริ่มแรกได้
❗️สามารถติดต่อสอบถามเพิ่มเติมพร้อมรับหนังสือชี้ชวนได้ที่บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ดาโอ จำกัด (บลจ.ดาโอ) หรือตัวแทนการขายและรับซื้อหน่วยลงทุนคืนของ บลจ.ดาโอ
อ้างอิง: Why I never invest in bank shares, Financial Times, as of 21 March 2023
กลับสู่ด้านบน
เลขที่ 87/2 อาคารซีอาร์ซี ทาวเวอร์ ออลซีซั่นส์เพลส ชั้นที่ 52
ถนนวิทยุ แขวงลุมพินี เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ 10330
©2024 บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ดาโอ จำกัด สงวนลิขสิทธิ์